"Tea Factory and More" สุขุมวิท 39



หลังจากที่ BKK. เคยพาทุกคนไปอิ่มอร่อยกับสารพัดเมนูอาหารและสนุกสนานกับกิจกรรมกันที่โครงการ A La Campagne ในเมืองพัทยากันไปแล้ว (City Guide : Pattaya) ครั้งนี้ Tea Factory and More ส่งความอร่อยอย่างต่อเนื่องมาไว้ที่สุขุมวิท 39
โดยหยิบยกเมนูอาหารและชาคุณภาพดี มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติมช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนของทุกคนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 

Tea Factory and More ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ TRAIL and TALL Pet-Friendly Community ภายในซอยสุขุมวิท 39 ซึ่งหากใครที่พาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาสนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ก็สามารถมาแวะมาเติมพลังกันต่อด้วยเมนูอาหารและชาดี ๆ ภายในร้านแบบไม่ต้องทิ้งน้อง ๆ เอาไว้ด้านนอกได้ด้วย เพราะที่นี่เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารแบบ Pet-Friendly ที่ให้ความสำคัญต่อสัตว์เลี้ยงอย่างเท่าเทียมกัน โดยทางร้านจะเสิร์ฟชามใส่น้ำดื่ม (ที่ไม่ใช่น้ำประปา) สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะให้กับทุกโต๊ะที่พาน้อง ๆ เข้ามาในร้าน 


ทำเลร้าน Tea Factory and More ติดกับโครงการ TRAIL and TALL Pet-Friendly Community


บรรยากาศภายในร้าน

หากใครที่เคยแวะไปที่ Tea Factory พัทยากันมาแล้ว อาจสังเกตได้ว่าที่ Tea Factory and More นั้น ค่อนข้างจะแตกต่างออกไป ด้วยบรรยากาศของเรือนกระจกสไตล์ยุโรป ที่ให้ความโมเดิร์นในแบบไลฟ์สไตล์คนเมือง ปกคลุมด้วยความร่มรื่นของแมกไม้และซุ้มผักสวนครัวที่ปลูกไว้รอบ ๆ ร้าน พร้อมนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับครีเอทเมนูอาหารต่าง ๆ  


โซนด้านในสามารถมองเห็นเหล่าสัตว์เลี้ยงน่ารักที่มาวิ่งเล่น ออกกำลังกายภายในสวน


เลือกจับจองที่นั่งได้ตามใจชอบ


เมื่อขึ้นชื่อร้านว่าเป็นโรงงานน้ำชา เมนูที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นเครื่องดื่มประเภทชาเป็นแน่ แต่เพราะชาทั่วโลกนั้นมีมากมายหลายประเภท หลายรูปแบบ และหลากหลายถิ่นที่มา ทางร้านจึงแบ่งประเภทของชาที่ให้บริการออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ชาแบบ Single Origin ที่ใช้ใบชาเพียงชนิดเดียว ไม่นำไปเบลนด์กับชาชนิดอื่น ๆ เช่น Sweet Honey Oolong ชาอู่หลงยอดน้ำค้างจากประเทศศรีลังกา ตามมาด้วย Tea Blend ชาที่นำใบชาหลายชนิด หรือพืชชนิดอื่น ๆ มาเบลนด์เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดรสชาติใหม่ ๆ ที่ลงตัว


ทางร้านรวบรวมหลากหลายเมนูชาเอาไว้เสิร์ฟให้บริการมากมาย

โดยทางร้านได้แนะนำให้ลองดื่มหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์อย่าง White Tea Trail (120 บาท) ชาขาวที่นำมาเบลนด์กับดอกหอมหมื่นลี้ จากประเทศจีน ให้กลิ่นหอมหวนชวนดื่ม เสมือนเป็นตัวแทนของร้าน บอกเล่าถึงเรื่องการเดินทางของชาสารพัดชนิดที่เดินทางจาก A la Campagne สู่สุขุมวิท 39 และชาประเภทสุดท้ายแบบ Non-Caffeine ชาดอกไม้และชาผลไม้ที่มีหลากหลายชนิดให้ลิ้มลอง 

สามารถทานคู่กันกับขนมต่าง ๆ อาทิ Apple Crumble Vanilla Sauce (135 บาท) ขนมโฮมเมดที่ขึ้นตัวครัมเบิ้ลจากแป้งและอัลมอนด์ครัมเบิ้ล และใช้แอปเปิ้ลเขียวกับแอปเปิ้ลแดงผัดเนยจนเข้าที่กลายเป็นสีคาราเมล ผสมกับซินนามอนเพิ่มความหอมเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมกับซอสวานิลลาโฮมเมดเข้ากัน และ Scones (55 บาท / ชิ้น) สโคนโฮมเมดที่ทางร้านมีให้เลือกถึง 3 รสด้วยกัน ได้แก่ Raisin, Cranberry และ Butter Scone เสิร์ฟพร้อมกับ Clotted Cream โฮมเมดและแยมสตรอเบอร์รี ราสป์เบอร์รีผสมไวน์ข้าว 


White Tea Trail (120 บาท), Apple Crumble Vanilla Sauce (135 บาท) และ Scones (55 บาท / ชิ้น)

 นอกจากนี้ อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ที่พลาดไม่ได้ก็คือชา Cold Brew ชาประเภทนี้จะมีรสชาติที่แตกต่างจากชาทั่วไป ไม่มีรสชาติขม ผ่านการแช่ทิ้งไว้ในน้ำอุณหภูมิห้อง เมนูที่ทางร้านแนะนำคือ La vie en rose (140 บาท) ชาดำสกัดเย็นที่ทางร้านนำมาเบลนด์กับดอกกุหลาบจนได้กลิ่นหอมหวาน 


La vie en rose (140 บาท)

 สำหรับเมนูอาหารจานหลักของทางร้าน สาขานี้ยังคงนำกลิ่นอายและเสน่ห์ของ Tea Factory มาไว้เช่นเดิม ด้วยการนำเสนอเมนูขายดีจากฝั่งพัทยามาให้คนกรุงเทพฯ ได้ลองชิม ไม่ว่าจะเป็นเมนูรองท้องอย่าง Avocado Crab Meat Green Apple Wasabi Salad (200 บาท) สลัดปูอะโวคาโด ผสมผสานกับแอปเปิ้ลเขียว ที่ทานแล้วให้ความสดชื่น ก่อนจะเพิ่มความกระชุ่มกระชวยมากขึ้นด้วยซอสวาซาบิ


Avocado Crab Meat Green Apple Wasabi Salad (200 บาท)

หรือจะลองเป็น Pork Burger Charcoal Bun (250 บาท) เบอร์เกอร์หมูสไตล์ยุโรป ที่ทางร้านคัดเนื้อหมูส่วนที่ดีที่สุดมาบดและหมักเองด้วยสูตรของร้าน จากนั้นนำไปวางในขนมปังบันชาร์โคล แล้วราดด้วยสตูว์ผัก ชีส และผักสด เสิร์ฟพร้อมกับผักทอด เดมิเกรตซอสและทาทาร์ซอส แต่ถ้าหากใครอยากทานเนื้อชนิดอื่น ๆ ทางร้านยังมีเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อปูให้เลือกทานด้วยเช่นกัน 


Pork Burger Charcoal Bun (250 บาท)

 หรือจะลองเป็น Pork Burger Charcoal Bun (250 บาท) เบอร์เกอร์หมูสไตล์ยุโรป ที่ทางร้านคัดเนื้อหมูส่วนที่ดีที่สุดมาบดและหมักเองด้วยสูตรของร้าน จากนั้นนำไปวางในขนมปังบันชาร์โคล แล้วราดด้วยสตูว์ผัก ชีส และผักสด เสิร์ฟพร้อมกับผักทอด เดมิเกรตซอสและทาทาร์ซอส แต่ถ้าหากใครอยากทานเนื้อชนิดอื่น ๆ ทางร้านยังมีเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อปูให้เลือกทานด้วยเช่นกัน 


Spaghetti Tea Leaf With Fresh Chilli (285 บาท)

 ปิดท้ายกันด้วยเมนูไทย ๆ กับ Kanum jeen nam-ya pu (275 บาท) เส้นขนมจีนเหนียวนุ่ม เสิร์ฟมาพร้อมกับผักพื้นบ้าน ไข่ต้ม และน้ำยาปู สูตรเฉพาะของทางร้าน ให้รสชาติจัดจ้านคล้ายกันกับแกงเหลือง ทางร้านแนะนำให้ลองทานคู่กับชา จะดับความเผ็ดร้อนได้เป็นอย่างดี 


Kanum jeen nam-ya pu (275 บาท)


สามารถเลืือกช้อปสินค้าไลฟ์สไตล์ได้ตามชอบ



ชา Cold Brew ซิกเนเจอร์ของทางร้าน

ที่มา : bkkmenu.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"GRAPH Cafe" คาเฟ่ท่ามกลางความสงบ และเรียบง่ายของเมืองเล็ก ๆ อย่างสังขละบุรี

"Cafe Mademoiselle" ในตรอกเล็ก ๆ ด้านหลังโรงพยาบาล BNH ย่านสีลม

"The Loft Coffee&Restaurant" ร้านชื่อดังใน สุพรรณบุรี