"Bluekoff" คาเฟ่แห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้ Modbar เครื่องชง Espresso ประเภท Under Counter ที่ออกแบบเพื่อเพิ่มการสื่อสารระหว่างบาริสต้าและลูกค้า


หลายคนอาจรู้จัก Bluekoff ในฐานะบริษัทที่นำเข้าและจัดจำหน่าย Modbar รายแรกของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นคาเฟ่แห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้ Modbar เครื่องชง Espresso ประเภท Under Counter
ที่ออกแบบเพื่อเพิ่มการสื่อสารระหว่างบาริสต้าและลูกค้า แต่แท้จริงแล้ว Bluekoff มีเรื่องราวความเป็นมายาวนานกว่า 18 ปี โดยชื่อร้านมีที่มาจากคำว่า "Blue Bean Coffee" มาจากสีของเมล็ดกาแฟที่ดี ที่จะต้องมีสีเขียวอมฟ้า เรียกได้ว่าที่นี่มีครบทุกอย่างที่คนรักกาแฟต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟ อุปกรณ์ในการชง รวมไปถึงคอร์สสอนชงกาแฟ และยังมีการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจร้านกาแฟอีกด้วย


Modbar ประกอบไปด้วย Module ทั้งหมด 3 แบบ คือ Espresso Module, Steam Module และ Pour Over Module

หน้าร้านตรงนี้จะแบ่งเป็นโซนที่เป็นโชว์รูมแสดงสินค้าและโซนที่เป็นร้านกาแฟ โดยโซนที่เป็นร้านกาแฟนอกจากจะขายกาแฟที่ดีในราคาที่เหมาะสมแล้ว ยังเป็นโมเดลในการศึกษาธุรกิจร้านกาแฟให้ลูกค้าสามารถ walk-in เข้ามาสอบถามได้ 


Showroom สินค้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับกาแฟ

จุดประสงค์ของหน้าร้านนอกจากจะเป็นสถานที่ที่เอาไว้ลอง product ต่าง ๆ แล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับให้บาริสต้าได้ทดลองครีเอทเครื่องดื่มและขนมต่าง ๆ อีกด้วย


ระหว่างเท Latte Art

ทางร้านจะมีเมนูพิเศษที่จะปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาลหรือเทศกาลต่าง ๆ สำหรับซัมเมอร์นี้แนะนำเป็น Summer Fresh Coffee (105 บาท) เป็นการผสมผสานกันระหว่างกาแฟเบลนด์โทนออกเปรี้ยวกับน้ำมะม่วงรสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่น เพิ่มความนุ่มด้วยฟองนมและราดด้วยซอสคาราเมล 


Summer Fresh Coffee (105 บาท)

และ Summer Fresh Soda (85 บาท) ความพิเศษของเครื่องดื่มตัวนี้อยู่ตรงที่ทางร้านนำไซรัปมะม่วงมาผสมกับไซรัปกระบองเพชร ท็อปด้วยโซดา เพิ่มความสดชื่นด้วยเนื้อมะม่วงสด มะนาว และใบมิ้นต์ 


Summer Fresh Soda (85บาท)

สำหรับกาแฟที่เป็นเมนูประจำก็มีให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นกัน แนะนำเป็น Cold Brew (100 บาท) ที่จะปรับเปลี่ยนตัวเมล็ดกาแฟที่ใช้ไปเรื่อย ๆ อย่างตัวนี้จะใช้ Rwanda Single Origin โทนออกดอกไม้และผลไม้แห้ง


Cold Brew (100 บาท)

และ Latte (70 บาท) ที่จะใช้กาแฟ Special Blend ที่จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทุก 15-30 วัน


Latte (70 บาท)

นอกจากกาแฟแล้ว เมนูขนมของที่นี่ก็มีความพิเศษไม่แพ้กัน เพราะนอกจากจะใช้วัตถุดิบชั้นดีแล้ว ยังมีการนำ Cascara มาเป็นส่วนผสมของขนมด้วย ซึ่งมีทั้ง Cascara Croissant (70 บาท) ครัวซองต์เนื้อเหนียวนุ่มกำลังพอดี เต็มไปด้วยประโยชน์จากแป้ง Cascara


Cascara Croissant (70 บาท)

Cascara Brownie (50 บาท) บราวน์นี่เนื้อเหนียวหนึบผสม Cascara บด รสชาติเข้มข้นเหมาะกับคนที่ชอบทานช็อกโกแลตเป็นอย่างยิ่ง


Cascara Brownie (50 บาท)

ที่อยู่ : อาคารพร้อมพันธุ์ 2 ชั้น 1 ซอยลาดพร้าว 3 เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 
เปิด-ปิด : 08.30-17.00 หยุด อาทิตย์
โทร : 08-1979-9565

ที่มา : bkkmenu.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"GRAPH Cafe" คาเฟ่ท่ามกลางความสงบ และเรียบง่ายของเมืองเล็ก ๆ อย่างสังขละบุรี

"Cafe Mademoiselle" ในตรอกเล็ก ๆ ด้านหลังโรงพยาบาล BNH ย่านสีลม

"The Loft Coffee&Restaurant" ร้านชื่อดังใน สุพรรณบุรี