ร้าน "Glow Coffee" ร้านกาแฟเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านทองหล่อ


ว่ากันว่า หากเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยกาแฟดี ๆ สักถ้วยจะช่วยให้วันทั้งวันกลายเป็นวันที่สดใส เปี่ยมด้วยพลังในการทำกิจวัตรประจำวันหรือทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเต็มที่ และจะดียิ่งขึ้นหากได้ดื่มด่ำรสชาติของกาแฟ ไปพร้อม ๆ กับการทานเบเกอรีอร่อย ๆ สักชิ้น ภายใต้บรรยากาศอบอุ่น สบาย ๆ
เคล้าด้วยเสียงพูดคุยของเหล่าคอกาแฟทั้งหลายที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาชาร์จความ (สงบ) สุข แสนเรียบง่าย ผ่านการดื่มกาแฟถ้วยโปรดระหว่างวัน เช่นเดียวกับแนวคิดที่ Glow Coffee ร้านกาแฟเล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านทองหล่อแห่งนี้ ตั้งใจให้ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดี ๆ แก่ทั้งคนที่เพิ่งเริ่มต้นดื่มกาแฟและคนรักกาแฟได้มีโมเมนต์ความสุขเล็ก ๆ มากด้วยคุณภาพได้ทุกวัน 


 จากคอกาแฟตัวยงที่ตระเวนชิมกาแฟมาหลายต่อหลายที่ กระทั่งค้นพบแนวทางการดื่มกาแฟและรสชาติของกาแฟในแบบที่ชอบ ทำให้ คุณหนุ่ม-กายสิทธิ์ กิติโชตน์กุล และ คุณจิ๊บ-สลริน กฤชทอง เจ้าของร้าน Glow Coffee เกิดไอเดียที่จะต่อยอดความชอบส่วนตัวนี้ให้กลายเป็นคาเฟ่แห่งการสร้างแรงบันดาลใจ ให้คนที่ชอบในสิ่งเดียวกันได้เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทำความรู้จักกับกาแฟรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น ในลักษณะของ Specialty Coffee ที่คัดสรรเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี คั่วบดอย่างพิถีพิถัน พร้อมเสิร์ฟความอร่อยด้วยราคาที่ย่อมเยา



‘Glow Coffee’ ชื่อร้านที่แฝงด้วยความหมายดี ๆ เปรียบเสมือนเส้นทางการเติบโตของธุรกิจร้านกาแฟที่ทางคุณหนุ่มและคุณจิ๊บตั้งใจถ่ายทอดให้คนกรุงเทพฯ ได้มองเห็นมนต์เสน่ห์ วัฒนธรรมของการดื่มกาแฟที่มีส่วนเข้ามาเติมเต็มความสุขในชีวิตประจำวันของคนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี



มาถึงในส่วนของการดีไซน์ตัวร้าน Glow Coffee ตกแต่งร้านในสไตล์ Homey บรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ละมุน และผ่อนคลาย โดยเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่ทางร้านเลือกนำมาใช้จะเป็นวัสดุที่ทำจากไม้และหวาย เพื่อเน้นความเรียบง่าย เป็นธรรมชาติมากที่สุด



พร้อมเพิ่มความร่มรื่นให้มุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซนด้านหน้าร้าน โซนเก้าอี้บาร์ติดกระจก โซนโต๊ะยาวให้นั่งชิลล์กันแบบเป็นกลุ่ม ไปจนถึงมุมหนังสือเล็ก ๆ ด้วยไม้ประดับสีเขียวสบายตา ยิ่งเมื่อมีแสงธรรมชาติลอดผ่านเข้ามาก็ยิ่งเสริมบรรยากาศให้ที่นี่ดูมีเสน่ห์ เหมาะแก่การนั่งดื่มกาแฟ ทานขนมแบบสบาย ๆ ได้ตลอดทั้งวัน



ด้วยความที่ทางร้านเสิร์ฟเมนูกาแฟเป็นหลัก ฉะนั้นหัวใจสำคัญของ Glow Coffee ย่อมแตกต่างไปจากที่อื่น ๆ แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพดีแบบ Single Origin ที่นำเข้าจากประเทศต่าง ๆ หมุนเวียนมาให้คอกาแฟทั้งหลายได้ลองชิมกาแฟแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งให้คาแร็คเตอร์รสชาติในแบบที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะประเทศพม่าซึ่งหาทานได้ยากมาก 
ด้วยสภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ที่ใช้ปลูกกาแฟให้ได้รสชาติดีมีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งทางร้านจะนำมาคั่วบดเอง (เป็นการคั่วแบบปานกลาง เพื่อคงรสหวานของเมล็ดกาแฟ ไม่มีรสเปรี้ยวหรือรสฝาดจนเกินไป ทำให้ดื่มง่ายขึ้น) ใช้กับการครีเอทเมนู Specialty Coffee อย่างการดริปกาแฟทั้งแบบร้อนและแบบเย็น ไปจนถึงเมนูคลาสสิกต่าง ๆ ทั้ง Espresso, Americano, Latte, Cappucino ที่ทางร้านมีให้ได้เลือกดื่มตามชอบอีกด้วย  
ตามมาด้วยการเลือกใช้อุปกรณ์ รูปแบบการชงกาแฟแบบต่าง ๆ อย่างเครื่อง HyperChiller ที่สามารถเปลี่ยนกาแฟร้อนให้เป็นกาแฟเย็นได้โดยไม่ต้องใส่น้ำแข็ง คงรสชาติความเข้มข้นของกาแฟได้นานขึ้น


อีกหนึ่งความน่ารักของ Glow Coffee คือการที่ทางร้านให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ เนื่องจากคุณหนุ่มและคุณจิ๊บเป็นนักดำน้ำ จึงร่วมสานต่อเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ เพราะฉะนั้นรูปแบบการให้บริการที่ร้านจึงเลือกใช้หลอดสแตนเลส และแบบ Take Away เลือกใช้แก้วกระดาษและแทนวัสดุที่ทำจากพลาสติก (รวมถึงฝาแก้วพลาสติกแบบ Bio-Incredibles ที่ทางร้านเลือกนำมาใช้แม้จะหาค่อนข้างยากและมีราคาแพงมากกว่าก็ตาม) 


ส่วนใครที่ไม่ดื่มกาแฟ ที่นี่ก็มีเครื่องดื่มประเภทอื่น ๆ ไว้คอยให้บริการ เป็นทางเลือกที่ให้รสชาติดีไม่แพ้กัน เช่น Double Thai Tea with Coffee Jelly (95 บาท) ชาเย็นรสเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมเฉาก๊วยรสกาแฟที่ใส่ลงไปยังด้านล่างของแก้ว ก่อนท็อปด้านบนด้วยไอศกรีมชาเย็นและฟองนมนุ่ม ๆ เพิ่มรสละมุนให้กับเครื่องดื่มแก้วนี้


หรือจะเป็นเมนูสมูทตี้อย่าง Mango & Blueberry Smoothies (85 บาท) มะม่วงปั่นที่มิกซ์เข้ากันกับบลูเบอร์รีปั่น เป็นหนึ่งในเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ปราศจากส่วนผสมของน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ทางร้านเลือกใช้ผลไม้แช่แข็งล้วน ๆ เพื่อให้ได้รสเข้มข้นของผลไม้แท้ ๆ แบบแก้วต่อแก้ว



 นอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว เพื่อให้การเติมพลัง (ท้อง) ระหว่างวันนั้นสมบูรณ์ ต้องลองจับคู่ทานกับโฮมเมดเบเกอร์รี สูตรเฉพาะของทางร้าน ซึ่งคุณจิ๊บเป็นคนคิดค้นสูตรและลงมือทำเองทั้งหมด เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยลดส่วนผสมของครีมและลดความหวานลง เพื่อที่เวลาทานคู่กับเครื่องดื่มจะได้ไม่เสียรสชาติ หรือเป็นการเสริมรสชาติกันและกันที่ดีไปในตัว 

เหมาะสำหรับคนที่รักษาสุขภาพ แนะนำให้ลองสั่ง Flourless Chocolate Citrus Cake (Gluten Free) (115 บาท) เมนูนี้เป็นช็อกโกแลตฟัดจ์แบบกลูเตนฟรี ซึ่งทางร้านเลือกใช้ Almond Milk แทนนมสดผสมเข้ากับดาร์กช็อกโกแลต พร้อมใส่ผิวของเลมอนลงไปด้วยเพื่อให้ได้รสเปรี้ยวมาตัดความขมของช็อกโกแลต อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมสดชื่นอีกด้วย 



ตามมาติด ๆ กับเมนู Japanese Cheesecake (115 บาท) ชีสเค้กแบบญี่ปุ่นที่ทางร้านพยายามลดความหวานลงอีกเช่นเคย พร้อมเสิร์ฟมาคู่กับผลไม้สด เพื่อให้ความเปรี้ยวตัดกับความครีมมี่ของชีสเค้ก 



แล้วปิดท้ายด้วย Rosemary & Olive Muffin (45 บาท) มัฟฟินนุ่ม ๆ ที่มีส่วนผสมของมะกอกและใบโรสแมรี่ ทานเข้ากันดีกับเมนูกาแฟ


ที่อยู่ : 1097,1099 ถนนสุขุมวิท (ระหว่างซอยสุขุมวิท 55 และ 57) เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
เปิด-ปิด : 08.00-17.00น. หยุดวันอังคาร 
โทร : 08-7095-3639

ที่มา : bkkmenu.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"GRAPH Cafe" คาเฟ่ท่ามกลางความสงบ และเรียบง่ายของเมืองเล็ก ๆ อย่างสังขละบุรี

"Cafe Mademoiselle" ในตรอกเล็ก ๆ ด้านหลังโรงพยาบาล BNH ย่านสีลม

"The Loft Coffee&Restaurant" ร้านชื่อดังใน สุพรรณบุรี